แปลจาก...World History ของ Mcdougal Littel
แปลโดย...ทรงศักดิ์ สายหยุด

กำเนิดจักรวรรดิโรมัน

กำเนิดจักรวรรดิโรมัน
ความขัดแย้งในบ้านเมือง
          ในขณะที่กรุงโรมขยายตัวกว้างขวาง ชาวโรมันผู้มั่งคั่งหลายคน ได้ทอดทิ้งหน้าที่ของพลเมือง คิดถึงแต่อำนาจและความมั่งคั่งมากขึ้น ข้อนี้ได้เพิ่มระยะห่างระหว่างคนรวยและคนจน  ส่งผลให้เกิดมีภัยคุกคามจากการลุกฮือต่อต้านเพิ่มขึ้น ในขณะที่สามัญชนมีความไม่พอใจอำนาจและสิทธิพิเศษของเศรษฐีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

การปฏิรูปล้มเหลว นักปฏิรูปพยายามที่จะบรรเทาปัญหาเหล่านี้  พวกเขามีความต้องการจะแบ่งกองทรัพย์สินขนาดใหญ่และให้ที่ดินแก่คนยากจน แต่เศรษฐีเจ้าของที่ดินในวุฒิสภารู้สึกว่าถูกคุกคาม จึงไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปและสั่งให้ฆ่านักปฏิรูป

สงครามกลางเมือง ในเวลาเดียวกัน แม่ทัพที่พิชิตดินแดนอื่น ๆ ได้ ก็กลายเป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานในการใช้อำนาจต่อบ้านเมือง พวกเขาได้ว่าจ้างเกษตรกรที่ยากจนให้รับใช้ตนเองในฐานะเป็นทหารเพิ่มมากขึ้น ทหารเหล่านี้เปลี่ยนความจงรักภักดีของตนจากการปกครองแบบสาธารณรัฐไปให้กับแม่ทัพ ความปรารถนาในอำนาจของแม่ทัพนำไปสู่​​ความขัดแย้ง
ในที่สุด สงครามกลางเมืองก็ระอุขึ้น  สงครามกลางเมือง (a civil war) คือความขัดแย้งระหว่างกลุ่มหลายกลุ่มภายในประเทศเดียวกัน คือ  ฝ่ายหนึ่งคือแม่ทัพผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มสามัญชน อีกฝ่ายหนึ่ง คือ แม่ทัพที่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางและวุฒิสมาชิก
แม่ทัพคนหนึ่ง ชื่อ มาริอุส (Marius) ต่อสู้เพื่อสามัญชน ในขณะที่แม่ทัพ ชื่อซุลลา (Sulla) ต่อสู้เพื่อขุนนาง การต่อสู้ดำเนินไปเป็นเวลาหลายปี สุดท้าย เมื่อ 82 ก่อนคริสต์ศักราช เหล่าขุนนางก็ได้รับชัยชนะ ซุลลาเข้ามากุมอำนาจและกลายเป็นเผด็จการ

จูเลียส  ซีซาร์ (Julius Caesar)
หลังจากที่แม่ทัพซุลลาเสียชีวิต แม่ทัพกลุ่มอื่น ๆ ก็ขึ้นสู่อำนาจ หนึ่งในนั้นคือจูเลียส ซีซาร์ ผู้เป็นทั้งแม่ทัพ เป็นทั้งนักการเมืองและเผด็จการ  ซีซาร์เกิดประมาณ 100 ก่อนคริสต์ศักราช ภายในตระกูลขุนนางเก่า เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากและความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ แต่การที่จะบรรลุถึงอำนาจอย่างแท้จริง เขารู้ว่าเขาจะต้องชนะในสนามรบ

ผู้นำด้านทหาร ครั้งแรก ซีซาร์ได้เห็นการดำเนินการทางทหารในเอเชียไมเนอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตุรกีในปัจจุบัน และในสเปน แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองในการเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนกอล ซึ่งเป็นพื้นที่รู้จักกันในขณะนี้ คือ ฝรั่งเศส (เป็นชื่อเก่าแก่ในประวัติศาสตร์ ใช้ในยุคโรมันเพื่อเรียกขานดินแดนทางยุโรปตะวันตก ซึ่งปัจจุบันเทียบได้ประมาณบริเวณประเทศฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม และอาจรวมไปถึงหุบเขาโพ ในสวิตเซอร์แลนด์ตะวันตก บางส่วนของเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์)
เผ่ากอลส์ (the Gauls) คือ นักรบที่ดุร้าย แต่ในการรณรงค์ทางทหารที่ยอดเยี่ยม ซีซาร์ ก็ตีเผ่ากอลส์จนพ่ายแพ้และยึดทั่วทั้งภูมิภาค ชัยชนะของเขา ทำให้ได้ในดินแดนใหม่และความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ให้โรม ชัยชนะยังให้ชื่อเสียงและโชคลาภแก่ซีซาร์อีกด้วย
ซีซาร์ได้เขียนถึงความสำเร็จของเขาในกอลในไดอารี่ทางทหาร ชื่อว่า Commentaries on the Gallic War  (คำวิจารณ์เกี่ยวกับสงครามฝรั่งเศส) งานนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่เขาในฐานะผู้เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ของงานประพันธ์ร้อยแก้วของละติน

นักเผด็จการเพื่อชีวิต นอกเหนือไปจากทักษะทางทหาร  ซีซาร์ยังเป็นนักการเมืองที่ดีอีกด้วย เขาได้รับชื่อเสียงในฐานะนักปฏิรูปที่สนับสนุนสามัญชน ข้อนี้บวกกับชื่อเสียงทางทหาร ทำให้เขาเป็นที่นิยมของสามัญชน
แต่ซีซาร์ยังมีศัตรู ชาวโรมันที่มีอำนาจจำนวนมากรวมทั้งวุฒิสมาชิกขุนนาง ได้ต่อต้านซีซาร์ หนึ่งในบรรดาฝ่ายตรงข้ามของเขา คือ ซิเซโร (หรือ คิเคโร ตามสำเนียงละตินคลาสสิก - Cicero) กงสุลชาวโรมันคนสำคัญและอาจจะเป็นนักพูดผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โรมัน ซิเซโรเป็นผู้สนับสนุนการปกครองแบบสาธารณรัฐที่เข้มแข็ง เขาไม่ไว้ใจซีซาร์และความปรารถนาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของผู้ปกครอง
เมื่อซีซาร์กลับมาจากกอล วุฒิสภาสั่งให้เขาทำลายกองทัพของตัวเอง แต่เขาได้นำทหารเข้าไปในอิตาลีและเริ่มต่อสู้เพื่อครอบครองกรุงโรมแทน หลังจากหลายปีผ่านไป ซีซาร์ได้รับชัยชนะ เมื่อ 46 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เขาได้กลับไปยังกรุงโรม ซึ่ง ณ ที่นั่น เขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและกองทัพ ในปีเดียวกันนั้นวุฒิสภาได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้ปกครองโรมันแต่เพียงผู้เดียว เมื่อ 44 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซีซาร์ถูกขนานนามว่า เป็นนักเผด็จการเพื่อชีวิต เนื่องจากถูกต่อต้านตลอดถึงหกเดือน

การปฏิรูปของซีซาร์ ซีซาร์ปกครองในฐานะเป็นผู้ปกครองเผด็จการ  แต่เขาเริ่มการปฏิรูปเป็นจำนวนมาก เขาขยายวุฒิสภาโดยรวมผู้สนับสนุนจากประเทศอิตาลีและภูมิภาคอื่น ๆ เขายังบังคับใช้กฎหมายต่ออาชญากรรมและสร้างงานสำหรับคนยากจน  แม้จะมีการปฏิรูปเหล่านี้ ชาวโรมันบางพวกกลัวว่าซีซาร์จะสถานปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ ไม่เพียง แต่เขาจะปกครองเป็นเวลาตลอดชีวิตเท่านั้น แต่สมาชิกในครอบครัวของเขายังจะปกครองต่อจากเขาอีก ชาวโรมันมีความเกลียดชังต่อระบบกษัตริย์ตั้งแต่สมัยที่ชาวอีทรัสคันปกครอง

การลอบสังหารและมรดก ความกังวลเกี่ยวกับการขยายอำนาจของซีซาร์ได้นำไปสู่ความหายนะของตนเอง วุฒิสภา ซึ่งเป็นสภาสำหรับบริหารของโรม ไม่พอใจอำนาจของเขา ในวันที่ 15 มีนาคม เมื่อ 44 ปี ก่อนคริสต์ศักราชบางส่วนของวุฒิสมาชิกก็ได้ปฏิบัติการ วุฒิสภาจัดประชุมในวันที่เป็นลางร้าย  วุฒิสมาชิกได้เข้ามาหนึ่งต่อหนึ่งและในที่สุดซีซาร์เดินเข้ามาในห้อง เขาถูกล้อมรอบและลอบสังหารโดยกลุ่มวุฒิสมาชิก ในที่สุดผู้นำในการสมรู้ร่วมคิด ก็ถูกฆ่าหรือฆ่าตัวตาย
นักประวัติศาสตร์ยังคงไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการปกครองของซีซาร์ เช่นเดียวกับชาวโรมันในเวลานั้น บางคนบอกว่าเขาเป็นนักปฏิรูปที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือสามัญชน บางคนบอกว่าเขาเป็นทรราชกำลังหิวอำนาจ อย่างไรก็ตาม การปกครองของซีซาร์และความตายของเขา นำไปสู่การสิ้นสุดระบบการปกครองแบบสาธารณรัฐ



 
โคลอสเซียม
โคลอสเซียม  สัญลักษณ์แห่งความเรืองอำนาจแห่งจักรวรรดิโรมัน ที่ยังคงปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน
 
จูเลียส ซีซาร์
จูเลียส  ซีซาร์ หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมัน  ภาพนี้วาดโดย เปเตอร์ เปาล์ รือเบินส์ (Peter Paul Rebens - 1577 - 1640)  ซีซาร์ เป็นรัฐบุรุษ แม่ทัพ นักพูด และนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่

 
เหรียญเงิน
หรียญเงินนี้ผลิตออกเผยแพร่หลังจากที่ซีซาร์ถูกลอบสังหาร
ด้านหนึ่งของเหรียญ (ด้านบน)  มีรูปใบหน้าด้านข้างของผู้ลอบสังหารซีซาร์  อีกด้านหนึ่งมีรูปหมวกแห่งเสรีภาพวางอยู่ระหว่างกริช 2 เล่ม
 
ภาพวาดขณะซีซาร์ถูกลอบสังหาร

จักรพรรดิปกครองโรม
หลังจากซีซาร์เสียชีวิต ผู้นำโรมันหลายคนพยายามที่จะยึดอำนาจ หนึ่งในคนเหล่านี้ คือ เหลนและบุตรบุญธรรมของซีซาร์ ชื่อ ออกเตวีอัน หรือ ออกตาเวียน (Octavian)
การต่อสู้ครั้งนี้ ได้นำไปสู่สงครามกลางเมืองอีกครั้ง ซึ่งกินเวลานานหลายปี สงครามทำลายสิ่งที่เหลืออยู่ของสาธารณรัฐโรมัน ในที่สุด ออกเตวีอันก็กำจัดศัตรูของเขาได้  เขากลายเป็นผู้ปกครองกรุงโรม เมื่อ 27 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ในเวลานั้น เขาเอาชื่อออกัสตัส (Augustus) ซึ่งหมายถึง "ผู้ที่ควรเคารพยกย่อง (exalted one)" หรือบุคคลผู้มีศักดิ์และมีอำนาจอันยิ่งใหญ่

ออกัสตัสสร้างกรุงโรมขึ้นมาใหม่ ออกัสตัสเป็นจักรพรรดิองค์แรกของกรุงโรม แต่พระองค์ไม่ได้ใช้ชื่อนั้น พระองค์ชอบให้ผู้คนเรียกว่า "พลเมืองคนแรก (first citizen)" พระองค์ได้บูรณะบางแง่มุมของการบริหารแบบสาธารณรัฐ  วุฒิสมาชิก กงสุลและผู้พิทักษ์สิทธิของประชาชน ได้ดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง แต่ออกัสตัสมีอำนาจเหนือพวกเขาทั้งหมด
ออกัสตัสบริหารบ้านเมืองเป็นอย่างดี เขานำภูมิภาคภายใต้การควบคุมและเสริมสร้างความเข้มแข็งการป้องกันจักรวรรดิ เขายังได้เริ่มระบบข้าราชการพลเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการว่าจ้างจากรัฐ ข้าราชการพลเรือนโรมันจัดเก็บภาษี ตรวจตราระบบไปรษณีย์และการจัดการอุปทานธัญพืช
ออกัสตัสยังได้สร้างและตกแต่งกรุงโรมใหม่ เขาได้สร้างวิหารใหญ่ โรงละครและอนุสาวรีย์ เขาเปลี่ยนอาคารที่เป็นอิฐเก่า ๆ  มากมายมาเป็นอาคารที่มีโครงสร้างทำจากหินอ่อน ภายใต้การปกครองของออกัสตัส โรมกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอย่างสง่างาม

สันติภาพโรมัน รัชสมัยของออกัสตัสเริ่มจากช่วงระยะเวลาอันยาวนานแห่งสันติภาพและเสถียรภาพในจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเรียกว่า Pax Romana หรือ "สันติภาพโรมัน"  Pax Romana กินเวลานานประมาณ 200 ปี ในช่วงเวลานี้ จักรวรรดิได้แผ่ขยายขนาดยิ่งใหญ่ที่สุด ประมาณสองล้านตารางไมล์
ภายใต้ปกครองของออกัสตัส กองทัพโรมันเป็นกองทัพที่มีกำลังพลสำหรับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ชายประมาณ 300,000 คนเข้าประจำการในกองทัพ พวกเขารักษาเขตแดนของจักรวรรดิ พวกเขายังได้สร้างถนน สะพานและอุโมงค์ช่วยเชื่อมอาณาจักรเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ออกัสตัสได้สร้างกองทัพเรือโรมันที่แข็งแกร่ง ซึ่งลาดตระเวนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยวิธีนี้โรมก็สามารถสร้างอำนาจและอิทธิพล ให้รู้สึกไปทั่วโลกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน


รัฐที่เข้มแข็ง Pax Romana (สันติภาพแห่งโรม) ดำรงอยู่ยาวนานอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ออกัสตัสเสียชีวิตในคริสต์ศักราช 14 จักรพรรดิอื่น ๆ อีกมากมายปกครองภายหลังออกัสตัส บางคนเป็นผู้ปกครองที่ดี ในขณะที่อีกคนหนึ่งไม่ดี แต่รัฐที่เริ่มขึ้นภายใต้การปกครองออกัสตัสก็มีประสิทธิภาพมากจนกระทั่งอาณาจักรดำรงอยู่ได้เป็นอย่างดี ชาวโรมัน ได้จัดการควบคุมอาณาจักร ซึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 1 กินเนื้อที่จากสเปนไปถึงเมโสโปเตเมีย จากแอฟริกาเหนือไปถึงเกาะบริเตน (สหราชอาณาจักร) มีผู้คนจากหลายภาษาวัฒนธรรมและประเพณีรวมอยู่ในภูมิภาคของจักรวรรดิ

เกษตรกรรม เกษตรกรรมและพาณิชยกรรมช่วยให้จักรวรรดิเจริญรุ่งเรือง  เกษตรกรรมเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในจักรวรรดิ สิ่งอื่นใดทั้งหมดขึ้นอยู่กับเกษตรกรรม คนส่วนใหญ่หันมาสนใจในการทำเกษตรกรรม ส่วนใหญ่ชาวโรมันเลี้ยงชีพด้วยผลิตผลจากพื้นที่ในท้องถิ่นของตนเอง  ถ้าจำเป็นต้องได้รับอาหารเพิ่มเติม ก็ได้มาจากการค้าขาย
เกษตรกรรมยังคงเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจโรมัน แต่อุตสาหกรรมก็ยังขยายตัวอีกด้วย การผลิตเครื่องปั้นดินเผา สินค้าโลหะและกระจก เพิ่มขึ้น การผลิตไวน์และน้ำมันมะกอก ตลอดจนผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

พาณิชยกรรม จักรวรรดิได้ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการใช้เส้นทางการค้าขาย พ่อค้าแล่นเรือข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปสเปน แอฟริกาและเอเชียตะวันตก พวกเขายังเดินทางโดยทางบกไปยังกอลและส่วนอื่น ๆ ของยุโรป  ชาวโรมเสาะหาสินค้าที่มีคุณค่าที่หาไม่ได้ที่บ้านเกิดด้วยวิธีการค้าขาย พ่อค้านำเมล็ดข้าว งาช้าง ผ้าไหม เครื่องเทศทองคำ และเงิน ตลอดจนกระทั่งสัตว์ป่า การค้าขายส่วนมากนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของถนนแห่งโรมัน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับการรักษาความปลอดภัยจากทหารโรมันอีกด้วย

เงินตรา เศรษฐกิจของโรมันยังขึ้นอยู่กับสกุลเงินหรือเงินตราทั่วไปอีกด้วย ในยุคของออกัสตัส เหรียญเงินที่เรียกว่า Denarius ถูกนำมาใช้ทั่วจักรวรรดิ รูปแบบทั่วไปของเงินทำให้การค้าขายระหว่างส่วนต่าง ๆ ของจักรวรรดิง่ายมากขึ้น เหล่าพ่อค้าสามารถซื้อและขายโดยไม่ต้องเปลี่ยนเงินของพวกเขาเป็นเงินตราอีกสกุลหนึ่ง
เศรษฐกิจที่ขยายตัวของกรุงโรมส่วนใหญ่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว เป็นผลให้การแบ่งชั้นระหว่างคนรวยและคนจนเข้มข้นมากขึ้น

 
การค้าขายในจักรวรรดิโรมัน ค.ศ. 200
การค้าขายในจักรวรรดิโรมัน ค.ศ. 200

 
คติพจน์
คติพจน์    SPQR  ย่อมาจาก The Senate and the people of Rome  หมายความว่า วุฒิสภาพและคนโรม

เป็นคติพจน์ของจักรวรรดิโรมัน


จูเลียส  ซีซาร์

 คิเคโร
  
ออกัสตัส

จูเลียส  ซีซาร์ (Julius Caesar,  100 – 44 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
เมื่อ 44 ก่อนคริสตกาล ในวันที่ 15 มีนาคม ซีซาร์เตรียมจะไปพูดคุยกับวุฒิสภา โดยไม่ทราบว่า เหล่าวุฒิสมาชิกคนสำคัญ วางฆ่าตัวเอง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า คาลเพอร์เนีย (Calpurnia) ภรรยาของเขา  ขอร้องไม่ให้เขาไป เธอบอกว่า ฝันเห็นเขานอนตายในอ้อมกอดของเธอ จากบาดแผลที่ถูกแทง
เมื่อซีซาร์เดินทางมาถึงห้องประชุมวุฒิสภาก็นั่งที่เก้าอี้  จากนั้นไม่นาน คนที่วางแผนฆ่าก็โอบล้อมเขา เอามีดที่ซ๋อนไว้ในเสื้อคลุมแทงเขาถึง 23 ครั้ง ตามที่ปรากฏในภาพด้านล่าง ผู้วางแผนฆ่าเหล่านั้น นำโดย ไกอุส  คาสซิอุส (Gaius Cassius) และ มาร์คัส จูนิอัส บรูตัส (Marcus Brutus) เพื่อนของซีซาร์ ซีซาร์พูดครั้งสุดท้ายว่า  "เจ้าก็เอากับเขาด้วยหรือ บรูตัส?  (“Et tu,Brute?”)”

มาร์คุส ทุลลิอุส คิเคโร หรือ ซิซีโร, ซิเซโร (Marcus Tullius Cicero, 106 ปีก่อนคริสตกาล – 43 ปีก่อนคริสตกาล)
            คือนักปรัชญา รัฐบุรุษ นักกฎหมาย นักทฤษฎีการเมือง และนักนิยมรัฐธรรมนูญชาวโรมันโบราณ เกิดในตระกูลขุนนางอันมั่งคั่งในตำแหน่งเควสเตอร์ เมื่อ 106 ก่อนคริสตกาล และเสียชีวิตเมื่อ 43 ปีก่อนคริสตกาล เป็นที่รู้จักแพร่หลายในฐานะนักพูดและกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรมัน
ปัจจุบันเขาเป็นที่ยกย่องจากงานเขียนเชิงมนุษยนิยม ปรัชญา และการเมือง ทั้งสุนทรพจน์และจดหมายของคิเคโรหลายฉบับยังคงหลงเหลือตกทอดมาถึงปัจจุบัน เป็นแหล่งข้อมูลชั้นต้นที่สำคัญที่สุดในช่วงยุคท้าย ๆ ของสาธารณรัฐโรมัน

ออกัสตัส (Augustus, 63 ปี ก่อนคริสต์ศักราช – คริสต์ศักราชที่ 14)
ในขณะที่ยังเป็นเด็ก ออกัสตัสเป็นคนอ่อนแอและขี้โรค เขายังคงได้รับทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยตลอดชีวิตของเขา แต่เขาก็ยังมีชีวิตยืนนานและกลายเป็นนักปกครองที่เกรียงไกรแห่งจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่
แม้จะมีพลังอำนาจมหาศาล ออกัสตัสก็ชอบที่จะแสดงตัวเองว่าเป็นพลเมืองธรรมดาที่มีรสนิยมที่เรียบง่าย เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ และนอนหลับอยู่ในห้องนอนขนาดไม่ใหญ่ไปกว่ากระท่อม เขาสวมเสื้อคลุมธรรมดาทอโดยภรรยาของเขา อาหารโปรดของเขาก็เป็นอาหารของคนธรรมดา คือ ขนมปัง เนยและมะกอก